https://www.facebook.com/Arjarnjo
อาจารย์โจ้, ซินแสโจ้ ,หมอโจ้
ตำหรับยานี้แจกให้เป็นวิทยาทาน ขอร้องอย่าเอาไปทำเพื่อเป็นการค้า ขูดรีดค่ายาแพงๆจากคนป่วย มันบาปมาก
อ่านให้ดี เมื่อหายแล้ว ให้ไปทำบุญถวายสังฆทาน ให้คุณหมอเลื่อน ด้วย
ตำรายานี้ข้าพเจ้าได้มาจากความเมตตาของ หลวงพ่อ พระครูโพธิธรรมารักษ์ (พระอาจารย์ทองหล่อ ฐานวณฺโณ) วัดโพธิ์ ต.กบเจา อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
ตำรานี้เหมือนกับตำรายาแก้โรคเรื้อนกินกระดูก ในคัมภีร์โชติรัต แต่ของ คุณหมอเลื่อน เพิ่มต้นหนวดแมวเข้ามาอีกเท่านั้น คิดว่ายาตำรับนี้ นอกจากรักษามะเร็ง แล้วคงจะรักษาโรคเรื้อน และโรคอื่นๆที่มีลักษณะ คล้ายคลึงกันได้ จึงให้พิจารณากันตามสมควรเถิด
ยารักษามะเร็ง ของลุงเลื่อน
มาตราเงิน หมอยากลางบ้านจนๆผู้มีใจประเสริฐ
อันนี้เคยรักษามะเร็งกระดูก ที่ลุกลามจากเท้า ไปทั้งขา อีกทั้ง รักษามะเร็งมดลูก หายมาแล้ว
ตัวยามีดังนี้
หัวยั้ง,กระดูกช้าง,กระดูกแพะ,กระดูกควายเผือก,กระดูกหมาดำ,เถาโคคลาน,บ้าช้าหมอง,(ฝีหมอบ),ยาข้าวเย็นเหนือ,ยาข้าวเย็นใต้,หญ้าหนวดแมว(ขึ้นตามที่น้ำขัง)ต้นหมวดแมว(ฟ้าพยับหมอก),หนักสิ่งละ5บาท(หรือมากกว่าก็ได้)รวมกันต้มให้เดือดแล้วเคียวไฟอ่อนๆสักครู่
เวลากินยาให้ใช้กะลามะพร้าวแทนถ้วยหรือแก้วรินยากิน กิน3เวลา ก่อนอาหาร
ข้อสำคัญยานี้ต้องอุ่นทุกวันๆ วันละ 1
ครั้ง เป็นอย่างน้อยควรเติมน้ำทุกครั้งเมื่อจะอุ่นยา
กินเรื่อยไปจนยาจืดจึงเปลี่ยนยาใหม่ ยาหม้อหนึ่งกินได้ถึง15วัน
หรือกว่านั้น(ต้มครั้งแรกให้ใส่น้ำให้ท่วมยา)
ข้อเตือนใจคนเรามีกรรมเป็นของตนเอง
ถ้าไม่ถึงที่ตายกินยาอะไรรักษาหมอไหนก็มักถูกกับโรคและหายได้ง่ายๆถ้าถึงคราวจะต้องตาย
ยาเทวดาหมอเทวดาก็รักษาไม่ถูกตายจนได้
จำไว้ว่ากินยาอะไรก็ตามถ้าถูกกับโรคเพียงหม้อแรกก็เห็นผลแล้ว
ถ้าหม้อแรกไม่ไปเหนือมาใต้ควรเปลี่ยนยาขนานใหม่เถอะ และ มะเร็งเป็นโรคร้ายแรงมาก
การสร้างกำลังใจให้ตนเองไว้เป็นเรื่องที่สมควรทำที่สุด
ขอให้ผู้ป่วยด้วยโรคร้ายนี้จงหายและมีชีวิตยืนยาวต่อไปเพื่อสร้างบุญกุศลคุณงามความดีให้ตนเองและให้แก่สังคม
ประเทศชาติ ไปตลอดกาลนาน
แนวทางรักษาคนเป็นมะเร็งที่เคยได้ผลของหมอโจ้ (หมอโจ้ฉายานี้คนอื่นเรียกกันเอง)
ในช่วงนั้น คนป่วย เป็นมะเร็งน้ำเหลือง เราเจอกันโดยบังเอิญ จากการที่โยมคนนั้น มาทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง (อย่าถือสานะผมเคยชินเรียกผู้อื่นว่าโยม) เธอผู้นั้นมาทำบุญถวายสังฆทาน คิดว่าตนเองไม่รอดแน่ รักษามาถึงเจ็ดปีแล้ว ท้ายสุดให้เคโมไม่ได้ กินยากลางบ้านก็ไม่ได้ สภาพตัวเธอผิวเกรียมดำกร้าน แห้งมาก ปากซีดคล้ำ ด้านในปากพองหมด ไม่มีเรี่ยวแรง สภาพน่าหนักใจ ตอนนั้นเราไปที่วัดนั้น และ ได้ไปดูดวงที่นั่นด้วย ... เธอเข้ามาพร้อมดอกไม้ธูปเทียน เพื่อไหว้ครูโหราศาสตร์ เราทักไปว่า จากนี้...อีกไม่เกินสี่สิบวัน... เราดูเธอหนักใจเหลือเกิน หลังจากสนทนากันพักใหญ่ เราจึงตั้งจิตคิดถึงคุณพระรัตนตรัย และ คุณครูบาอาจารย์ เทพ และ พรหมทั้งหลาย ให้ดลบันดาลจิตใจเราด้วยเถิด หากไม่เกินวาสนาเราจะสงเคราะห์ให้...
สิ่งที่เราให้ทำมีดังนี้
1.ตั้งสัจจะต่อครูเรา จะไม่ทำผิดศีล ข้อปาณาติบาต ตลอดชีวิต ไม่ทำเอง และ ให้ผู้อื่นทำให้
2.ให้ถือศีลแปด ตลอดการรักษาตัว
3.ให้กินเจ ตลอดการรักษา และ ห้ามเธอกิน ผัก และ ผลไม้สีเหลืองทุกชนิด และห้ามหน่อไม้ และ ของแสลงโรคอื่นๆ รวมถึง ข้าวเหนียวทุกชนิดด้วย
4.และเมื่อหายดีแล้ว อาหารแสลงโรคทุกชนิด เช่น หน่อไม้ทั้งหมด, ห่าน และ ของทะเล รวมถึง หอย ทุกอย่าง
5.ระหว่างที่รักษาตัวเป็นเวลา77วัน ห้ามออกนอกวัดเด็ดขาด
หลังจากที่เธอรับปากแล้ว เราให้เธอไปเตรียมของที่จะต้องใช้มีดังนี้
แคร่,หม้อเกลือ(หม้อดินเผาที่ใช้สำหรับการประคบ),เมล็ดข้าวเปลือก,ใบย่านาง,ใบพลับพลึง,มะนาว,มะกรูด,ขมิ้น,ไพล,ตะไคร้ฯลฯ ที่จำเป็น และ รวมถึงซื้อไม้กวาดมาถวายเป็นสังฆทานด้วย
ขั้นตอนการรักษา
ทุกเช้า ต้องตื่นตีสี่ ทำวัตรสวดมนต์ และ นั่งสมาธิ หลังจากนั้น ให้กวาดลานวัด ทำความสะอาดห้องน้ำวัด โดยให้ตั้งจิตระลึกว่าที่ทำความดีนี้ถวายแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนที่จะลงมือทำความสะอาดวัด และ อุทิศบุญกุศลให้กับเหล่าเทพเทวา และ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย และ ก็ลงมือทำไป
หลังอาหารเช้า เราเริ่มให้เธอดื่ม น้ำย่านางที่คั้นสดๆ รวมถึง น้ำคั้นจากต้นข้าวอ่อนๆ แต่ก่อนทำให้ระลึกถึง พระคุณครูหมอ ครูยา ครูว่าน ครูไพล ครูหมอฮากไม้ ครูหมอสมุนไพร ทุกท่าน และ ครูย่านาง รวมถึง พระแม่โพสพ ด้วย
จากนั้น เธอจึงทานข้าวเช้า ไปตามปรกติ
ตอนสาย ให้เธอเดินไปขึ้นยอดเขา ไปกราบนมัสการพระพุทธเจ้า (อาจดูเหมือนโหดร้ายแต่มันจำเป็น) เราให้เธอแบกไม้กวาดด้ามยาวไปด้วย เป็นไม้ค้ำยัน ประคองตัวเอง อีกทั้งระหว่างทางเดินไป เราให้เธอกวาดไปด้วยเท่าที่ทำได้ ตอนนี้ล่ะ เธอค่อยๆเดินกะโผลกกะเผลกไป มีสามีเธอ และ ญาติเธอ ตามไปด้วย และ ในที่นั้นมีโยมแม่ของเราไปด้วย โยมแม่เราต่อรอง ให้คนแบกเธอขึ้นไป..แต่เราไม่ให้ เราไปบอกเธอคนนั้นที่ป่วยว่า..ร่างกายเรา มีขาไว้เดินไปนมัสการพระพุทธเจ้า มีสองมือไว้ไปกราบพระพุทธเจ้า เธอจงเดินด้วยตัวของเธอเองเถิด... เเล้วเราก็นำหน้าละลิ่วไป หันมาอีกที โยมแม่เราเองประคองเธอเดิน เหมือนทหารที่ช่วยกันในยามสงครามเลย เราเลยเดินย้อนกลับมา และ บอกคำทำนายอีกว่า เดินเถอะโยม สู้นะโยม โยมเดินขึ้นเองได้ และ โยมเดินลงเองได้ เราทำนายว่า ถ้าเป็นอย่างนี้กำลังวังชาโยมจะดีเป็นอัศจรรย์ ไม่เกินสิบห้าวันข้างหน้านี้..หลังจากนั้นไม่นานเธอเดินไปนมัสการพระพุทธเจ้าได้สำเร็จแม้ว่าตลอดทาง จะแวะพัก รวมถึงอาเจียนเรี่ยราดมาตลอด แต่เธอก็ทำสำเร็จ หลังจากนั้นเราให้เธอทำความสะอาดแท่นบูชา รวมถึงบริเวณที่บูชา พระพุทธเจ้าทั้งหมด ซึ่งตอนนี้เราก็เห็นเธอ และ ญาติทั้งหลายช่วยกันทำ เธอคงไม่สังเกตุตัวเองกระมัง ว่ามีแรงทำความสะอาดมาจากไหนอีก แต่เราสังเกตุเห็นดังนั้น
กว่าเธอจะลงมาอีกก็บ่ายแก่ๆ เราให้แฟนเธอเตรียม อุปกรณ์ประคบหม้อเกลือ และ ให้เธอนอนประคบใต้โคนต้นพุทรา เลือกเอาทำเล ลมพัดผ่านสะดวก
ตัวยาที่ให้ประคบมีดังนี้
ใบพลับพลึงซอย,ขมิ้นทั้งชันและขมิ้นอ้อยซอย,ตะไคร้ซอย,ไพลซอย,ใบมะกรูด
และนำยาทั้งหมดนี้วางลงไปในใบพลับพลึงที่ทำเป็นกากบาทไว้ ,วางบนผ้าดิบ และ เอาหม้อเกลือที่ใส่เกลือตัวผู้สักครึ่งหม้อและกำลังร้อนๆแตกเปรี๊ยะๆวางไปบนสมุนไพรนั้นๆ มัดผ้าแน่นๆ และ ค่อยๆประคบเธอ (คนป่วย) โดยมีผ้าขนหนูผืนเล็กวางรองไว้บนตัว กันน้ำยางจากใบพลับพลึงที่กำลังร้อนๆซึมจากผ้าดิบไปโดนคนไข้ ประคบให้ทั่วท้อง ไปตามหน้าอก รักแร้ หว่างแขน หว่างา และ ต่อมน้ำเหลืองต่างๆ เราสั่งให้สามีเธอประคบให้เธอ เป็นจำนวนทั้งหมด4หม้อ ต่อการประคบหนึ่งครั้ง พยายามให้ทั่วตัวที่สุดไม่เว้นแม้ผ่ามือและผ่าเท้า
ตอนเย็นเราให้กินเมี่ยงสูตรของเรา สูตรนี้ใครท้องอืดเฟ้อ บ่อย อาหารไม่ย่อย รวมถึงเป็นกรดไหลย้อนก็กินได้หายมามากแล้ว
ขมิ้นชันซอย,ตะไคร้ซอย,ไพลซอย,ขิงซอย ห่อด้วยใบมะกรูด (ห้ามมะพร้าวซอย)
น้ำจิ้มเมี่ยง ใช้ น้ำมะกรูด มะนาว น้ำผึ้ง อาจเเต่งรสเค็มได้บ้าง ด้วยการใส่ซีอิ๊วขาว
สองสามวันแรกเราให้ทำอย่างนี้ และ ให้กินเมี่ยงทุกวัน
วันที่สี่ เธอมาบอกเราว่า ตั้งแต่เธอมา เธอไม่ถ่ายเลย ทรมานมาก (นี่แหละตัวการที่ทำให้เธอวิงเวียนศีรษะ ไม่มีเรี่ยวแรง เนื่องจากเธอไม่ถ่ายอุจจาระนั่นเอง อันนี้แหละ เป็นพิษภัยอีกอย่างของการให้เคโมมามาก)
เราจึงให้เธอทานยาขนม เอาไว้ให้เธอระบาย
ตัวยามีดังนี้
มะขามเปียก ,ฝักคูณแก่ เอามาหนึ่งผัก ,ใบคูณ หนึ่งใบ นำไปต้มรวมกัน ใส่น้ำประมาณสองถ้วย พอเดือด เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ ให้เหลือถ้วยครึ่ง แล้วเอามาดื่มตอนอุ่นๆ
วันที่ห้า เธอมีสีหน้าสดใสมากขึ้นกว่าเดิม เธอเดินมาบอกเราว่า อาจารย์หนูถ่ายแล้ว โล่งไปหมดเลย เราก็ดีใจไปกับเธอด้วย (ที่เราดีใจ เนื่องจากเราเห็นราศีที่หน้าของเธอ ปรากฏฉายแวว เปลี่ยนดวงแล้ว ไม่ตายแล้วต่างหาก)
อ้อลืมบอกไป ในตอนเย็นค่ำๆ เราให้เธอสวดมนต์นั่งกรรมฐานอุทิศบุญกุศล ด้วยทุกเช้าค่ำ
บทสวดมนต์ที่เราให้เธอสวด เราเน้นทั้งเช้าและเย็น
บททำวัตรเช้าและวัตรเย็น ปรกติ
ต่อด้วย บทบูชาพระพุทธเจ้า28 พระองค์ ,บทบูชาพระพุทธสิหิงค์ ,บทบูชาพระอรหันต์แปดทิศ,ชุมนุมเทวดา ,บทธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสุตตัง,บทเทวะตาอุยโยชะนะคาถา,บทมงคลจักรวาลน้อย,บทโพชฌังคะปะริตตัง,บทอุณหิสสะวิชะยะคาถา,บทกะระณียะเมตตะสุตตัง,บทขันธะปะริตตะคาถา,บทคาถาโพธิบาท ต่อด้วยบทกรวดน้ำอิมินาและต่อด้วยบทติโลกะวิชะยะราชะปัตติทานะคาถา และ แผ่เมตตา และ นั่งสมาธิ ทั้งหมดนี้ไปหาได้จากหนังสือมนต์พิธีของพระครูสมุห์เอียมได้ จากร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไป
อ้อ...ลืมบอกไปว่าเราให้เธอสวดอีกรอบ ในระหว่างวันด้วยที่หน้าพระใหญ่
วันที่เจ็ดแห่งการรักษา ปากเธอไม่พองแล้ว ทานอาหารได้มากกว่าปกติ ขอบปากเป็นสีชมพูเรื่อยๆ ไม่ไหม้แล้ว สภาพผิวแม้จะคล้ำ ก็ไม่กร้าน และ แห้ง
วันที่สิบแห่งการรักษา เรามีนิมิตฝัน เห็นชายนุ่งโจงกระเบนสีแดงเสื้อไม่ใส่ ตัวใหญ่มาก หน้าตาถมึงทึงเดินมา แต่พอมาใกล้ๆ แล้วท่านนั้น มีสีหน้าแววตาและอ่อนโยนลง บอกให้เรา เอาเปลือกมังคุด มาต้มกับน้ำ ให้คนป่วยกิน ตัดโรค พอเราตื่นขึ้น เช้านั้น เราไปเอามังคุดของวัด ในตอนนั้นมีอยู่มากที่คนเอามาทำบุญ ไปแกะเอาเปลือก มาล้างสะอาด และ ตากแดดให้แห้ง สั่งให้เธอ(คนป่วย) เอาไปต้มกิน แต่เราให้เธอกินสองสามวันแรก แค่วันละช้อนโต๊ะ และ เราก็สั่งให้เธอเพิ่มอีกช้อนโต๊ะในวันหลัง เพื่อเป็นการพิฆาตโรค
วันที่สิบห้าแห่งการรักษา
วันนั้นเราเห็นเธอพร้อมครอบครัวขึ้นเขาไปนมัสการพระพุทธเจ้า หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส มีพละกำลังวังชา แบบ คล่องตัวมาก เธออาจไม่ได้สังเกตหรอก แต่เราคอยสังเกตอาการอยู่ ทันทีที่เธอเดินลงมาจากเขา เราเดินเข้าไปหาเธอ บอกเธอว่า วันนี้ร่างกายเธอมีกำลังวังชาขึ้นมาก เกือบเป็นปรกติแล้วนะ เห็นไหมเธอเดินขึ้นเขาได้คล่องกว่าคนที่ร่างกายแข็งแรงดีเสียอีก เธอร่ำไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจ พรรณาต่างๆ ยาวมาก ... เเล้วเราก็บอกเธอว่า เห็นไหมในพุทธบารมี ของพระพุทธเจ้า ที่เธอมีความตั้งใจจริง และ เธอทำได้ เห็นไหมในบารมีครูบาอาจารย์ เทพพรหมทั้งหลาย เรายิ้มและ เดินหันหลังกลับไปโดยไม่ฟังคำตอบจากเธอ...
เธออยู่กับเราแม้ว่าจะไม่ครบ77วันก็ตาม อาจเป็นเพราะเธอหายก่อนกำหนด เราจึงให้เธอไปรักษาดูแลตัวเองต่อที่บ้านและไปถือศีลต่อที่วัดข้างบ้านเธอ เราบอกเธอในตอนสุดท้ายก่อนที่เราจะแยกจากกันว่า ถ้าครบ77วันแล้ว ถ้าอยากกินอาหารใดๆ ก็ให้เริ่มจากไข่ก่อน อย่าเพิ่งเริ่มเนื้อสัตว์ใดๆ และที่สำคัญ ของแสลงห้ามกินตลอดชีวิต และ อย่าลืมสัจจะเรื่องศีลข้อห้ามฆ่าสัตว์ด้วย และ อย่าลืมให้หมั่นปฏิบัติตนให้เหมือนกับอยู่ที่วัดด้วย
ตลอดเวลาที่เรา รับการรักษาโยมคนนี้ เราได้หัดให้เธอทำยาหม่อง และ ครีมพอกหน้าเด้งเป็นของแถม ซึ่งก็ได้ผลดี มีเงินช่วยค่าน้ำค่าไฟวัดนั้นมาก
ในท้ายนี้ เราจะให้สูตร ขนมมะขามดีท๊อกซ์ เป็นกำลังใจ สำหรับผู้ที่มีลำไส้ไม่ดี มีไขมันมาก รวมๆว่าล้างภายในละกัน สูตรเรามีดังนี้
มะขามเปียก1จับ,กล้วยน้ำว้า6ผล,ฝักคูณ1,ใบคูณ1ใบ, น้ำผึ้งตามส่วน,น้ำมะกรูด,น้ำมะนาว กวนให้เข้ากันให้เหนียวหนึบ พักไว้ให้เย็น จับเป็นก้อนกลมๆขนาดเท่านิ้วโป้ง คลุกกับน้ำตาลทราย แล้วเก็บใส่ถุง หรือ ใส่ กระปุกก็ได้
เก็บไว้ได้นาน ขอบอก การลดความอ้วนเป็นของแถม ผิวใส สิวยุบ หน้ามีเลือดฝาด เราใช้มามากแล้ว ได้ผลเกินคาด
อ้อให้กินดูก่อนสำหรับคนไม่เคย วันละ1เม็ดพอ อร่อยมาก สูงสุดไม่เกิน3เม็ดต่อวัน
สูตรเราไม่หวงแต่ถ้าหายทำบุญให้ครูเราด้วย สงสัยให้โทรมาถามได้ที่ 086-831-56-75 อาจารย์โจ้
สิ่งที่ขอร้องอีกครั้ง
โยมผู้ป่วยนี้ไม่ใช่คนรวยอะไร แต่มีจิตใจศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา แม้ว่าเธอจะหมดเนื้อหมดตัวไปเพราะการรักษาจากสารพัดวิธีแล้วก็ตาม แต่เธอไม่เคยหมดใจให้กับตัวเอง ปาฏิหารย์จึงมีจริง และ ด้วยวิธีการนี้เอง ที่เรานำไปรักษาผู้อื่น ให้หายมามากแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ซีดในมดลูก เนื้องอกต่างๆ ตลอดจนถึง คนที่เป็นเอสแอลอี เราบอกไว้ก่อนนะว่า เราไม่ใช่หมอเทวดา เราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่เรามั่นคงในพระพุทธศาสนาและครูบาอาจารย์ของเราอย่างมั่นคง เราไม่หวงวิชา ไม่หวงตำรา
แต่ขอเตือนคุณหมอทั้งหลายที่จะนำตำรับยาที่เราลงไว้ตลอดจนถึง วิธีการรักษาไปรักษาให้ผู้อื่น ขอให้เรียกร้องค่าใช้จ่ายแต่พอสมควร สำหรับผู้มีอันจะกิน ย้ำ แค่พอสมควรเท่านั้น แต่สำหรับผู้ยากไร้ สงเคราะห์เขาไปเถอะ แล้วแต่เขาให้จะดีกว่า ไม่มีให้ก็ไม่เป็นไร โรคมะเร็งนี้มันทรมานมาก อย่าไปซ้ำเติมคนป่วยอีกเลย เวรกรรมมันมีจริง ถ้าผู้ป่วยไม่ถึงคราวตาย ก็จะหายเอง
และ ขอเตือนบรรดา คุณหมอทั้งหลายที่คิดอัตราค่ายาหม้อ หม้อละต้องหลายพันบาท อย่าทำเลย ถ้าท่านจะทำอย่างนั้น ก็จงอย่าใช้ตำรับยา และ วิธีการที่เราลงบันทึกเเจกไว้เลยนะ เราจำต้องพูดเยี่ยงนี้ มิได้สบประมาทท่าน หรือ ดูแคลนท่าน เราแค่เตือนสติท่าน ท่านไม่ฟังก็คิดเสียว่าเหมือนดังลมผ่านหูไป หากท่านโกรธ เราก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
อันชีวิตไม่ถึงคราว ชีวาวาตม์
ใครพิฆาตเข่นฆ่า ไม่อาสัญ
หากแม้ถึง คราวตาย วายชีวัน
ไม้จิ้มฟัน แทงเหงือก ยังเสือกตาย
อาจารย์โจ้ ซินแส ปฐพีศาสตร์รักษามะเร็ง หายชะงัด ให้เป็นวิทยาทาน